การคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยวิธีนำภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อ มีประเด็นสำคัญที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะต้องพิจารณาเสมอก่อนนำภาษีซื้อมาใช้ คือ ภาษีซื้อใดที่สามารถนำมาหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ และภาษีซื้อใดเป็นภาษีซื้อต้องห้ามไม่สามารถนำมาหักออกจากภาษีขายได้ เพราะ ไม่ใช่ภาษีซื้อทุกกรณีที่กฎหมายอนุญาตให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนำมาหักออกจากภาษีขายได้ และในกรณีที่เกิดความผิดพลาดในการนำภาษีซื้อมาใช้ โดยผู้ประกอบการจดทะเบียนนำเอาภาษีซื้อต้องห้ามไปหักออกจากภาษีขาย ผลที่ตามมาคือผู้ประกอบการจดทะเบียนอาจต้องรับผิดในเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มตามที่กฎหมายกำหนดไว้
ภาษีซื้อที่ไม่ให้นำมาหักภาษีขายพิจารณาจาก มาตรา 82/5 ตามประมวลรัษฎากร และ ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42) เรื่อง การกำหนดภาษีซื้อที่ไม่ให้นำไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/5 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ซี่งมีรายละเอียดดังนี้
(1) กรณีไม่มีใบกำกับภาษีหรือไม่อาจแสดงใบกำกับภาษีได้ว่ามีการชำระภาษีซื้อ เว้นแต่จะเป็นกรณีมีเหตุอันสมควรตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด ภาษีซื้อที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้จ่ายชำระให้กับผู้ขายสินค้าหรือให้บริการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการไม่ได้ออกใบกำกับภาษีให้ ถือว่าผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการไม่มีใบกำกับภาษี ภาษีซื้อดังกล่าวก็ไม่สามารถนำมาหักออกจากภาษีขายหรือขอคืนภาษีซื้อได้ กรณีที่ไม่อาจแสดงใบกำกับภาษีได้ว่ามีการชำระภาษีซื้อตามมาตรา 82/5 (1) ให้ผู้ประกอบการมีสิทธินำภาษีซื้อไปหักในการคำนวณภาษีได้ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ กรณีที่ 1 ใบกำกับภาษีถูกทำลายโดยเหตุสุดวิสัย เช่น อัคคีภัย อุทกภัย หรือวาตภัย ซึ่งต้องมีหลักฐานทางราชการหรือหลักฐานอื่นที่เชื่อถือได้ว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวจริง และ กรณีที่ 2 ผู้ประกอบการไม่สามารถขอใบแทนใบกำกับภาษีจากผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการได้ตามมาตรา 86/12 เนื่องจากผู้ขายสินค้าหรือ ผู้ให้บริการไม่สามารถออกใบแทนใบกำกับภาษีได้เพราะเหตุสุดวิสัย สำนักงานบัญชี เอส.พี.ดี. แต่อย่างไรกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ไม่อาจแสดงใบกำกับภาษีซื้อได้เพราะเหตุใดเหตุหนึ่งเช่น ไฟไหม้ ถูกทำลาย หาไม่พบ ถือว่าเป็นกรณีมีใบกำกับภาษีแต่ไม่อาจแสดงใบกำกับภาษีซื้อได้การแก้ปัญหาจะต้องไปร้องขอใบแทนใบกำกับภาษีจากผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการและนำใบแทนใบกำกับภาษีดังกล่าวไปใช้แทนที่ใบกำกับภาษีที่สูญหายหรือไม่มีอยู่ [1]
(2) กรณีใบกำกับภาษีมีข้อความไม่ถูกต้องหรือ ไม่สมบูรณ์ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด แม้มีใบกำกับภาษี และสามารถแสดงใบกำกับภาษีได้ว่ามีการชำระภาษีซื้อไปจริงตามแล้ว ใบกำกับภาษีที่ใช้ภาษีซื้อได้ไม่ต้องห้ามต้องมีรายการครบถ้วนด้วย ท่านสามารถอ่านรายละเอียดขององค์ประกอบของใบกำกับภาษีเพิ่มเติมได้ตามลิงค์ [องค์ประกอบของใบกำกับภาษีเต็มรูป]
(3) ภาษีซื้อที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการ ของผู้ประกอบการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด สำนักงานบัญชี เอส.พี.ดี. ภาษีซื้อต้องห้ามในข้อนี้เป็นภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่ายที่มีลักษณะเป็น รายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ตรี (13) ตัวอย่างเช่นภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว เช่น ห้างประกอบกิจการแพล้นปูน จำหน่ายคอนกรีตผสม เสาปูน ท่อปูน เป็นต้น แต่มีรายจ่ายจากการซื้อเครื่องสำอางของกรรมการ ภาษีซื้อจากการซื้อเครื่องสำอางดังกล่าวถือเป็นภาษีซื้อต้องห้าม เป็นต้น อย่างไรก็ดีภาษีซื้อจากรายจ่ายในการจัดงานปีใหม่ ซื้อของขวัญให้พนักงานโดยเป็นการจับฉลาก พาพนักงานไปเที่ยวพักผ่อนประจำปีในลักษณะสวัสดิการ ที่บริษัทมอบให้พนักงานโดยไม่เลือกปฏิบัติกับบางคนย่อมเป็นภาษีซื้อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการนำมาหักออกจากภาษีขายได้ [2]เอสพีดี ภาษีซื้อที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับรายจ่ายในการให้สวัสดิการแก่พนักงานโดยมีระเบียบหรือข้อกำหนดของบริษัทไว้ชัดเจน ย่อมมีสิทธินำภาษีดังกล่าวไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้แต่หากเป็นการให้รางวัลหรือสิ่งของแก่พนักงานโดยเสน่หา ภาษีซื้อดังกล่าวไม่ถือว่าเกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการ จะนำมาใช้ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ได้ [3] สำนักงานบัญชี เอสพีดีเอสพีดี ภาษีซื้ออันเกิดจากรายจ่ายเกี่ยวกับการส่งเสริมการขายสินค้าของบริษัทมีสิทธินำภาษีซื้อดังกล่าวไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ [4]
(4) ภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่ายเพื่อการรับรองหรือ เพื่อการอันมีลักษณะทำนองเดียวกันตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด ภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่ายเพื่อการรับรอง หรือเพื่อการอื่นที่มีลักษณะทำนองเดียวกันในข้อนี้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังนี้ (1) ค่ารับรอง หรือค่าบริการไม่ว่าจะจ่ายเพื่อการรับรองหรือให้บริการแก่บุคคลใดๆ และไม่ว่าจะอำนวยประโยชน์แก่กิจการหรือไม่ก็ตาม ตัวอย่างเช่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ค่ามหรสพ ค่าใช้จ่ายเพื่อการกีฬา และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน (2) ค่าสิ่งของ หรือประโยชน์อื่นใดที่ให้แก่บุคคลซึ่งได้รับการรับรองหรือรับบริการตาม (1) และบุคคลอื่น ภาษีซื้ออันเกิดจากการรับรอง จะต้องเกิดจากการรับรองลูกค้าของบริษัท หากเป็นการจ่ายเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงาน เช่น ค่าที่พัก ค่าโรงแรม ค่าอาหารที่พนักงานไปปฏิบัติงานนอกสถานที่ รายจ่ายดังกล่าวถือเป็นรายจ่ายเกี่ยวกับการประกอบกิจการ บริษัทมีสิทธินำภาษีซื้อไปหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม และรายจ่ายดังกล่าวไม่เข้าลักษณะเป็นรายจ่ายเพื่อการรับรองแต่อย่างใด [5] กรณีตัวอย่างเช่น กระเช้าของขวัญที่บริษัทฯ แจกให้เป็นของขวัญแก่ลูกค้าเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี เช่น เทศกาลปีใหม่ เทศกาลสงกรานต์ การเปิดแนะนำสินค้าใหม่ โดยมีนามบัตรของบริษัทฯ ที่ระบุชื่อที่อยู่และมีเครื่องหมายการค้าของบริษัทฯติดที่กระเช้าของขวัญดังกล่าว หากกระเช้าของขวัญดังกล่าวเป็นสิ่งของที่บริษัทฯ พึงให้แก่ลูกค้าตามประเพณีทางธุรกิจทั่วไป และมีราคาหรือมูลค่าไม่เกินสมควรแล้ว บริษัทฯ ไม่ต้องนำมูลค่าของกระเช้าของขวัญดังกล่าวมารวมคำนวณเป็นมูลค่าของฐานภาษีในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใดตามมาตรา 79 (4) แห่งประมวลรัษฎากร และตามข้อ 2 (6) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่40)ฯ ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อกระเช้าของขวัญมาแจกหรือให้เป็นของขวัญแก่ลูกค้าดังกล่าวเป็นภาษีซื้อต้องห้ามมิให้นำไปหักออกจากภาษีขายตามมาตรา 82/5 (4) และข้อ 5 แห่งประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม(ฉบับที่ 17)ฯ [6] ภ า ษีซื้อ ที่เ กิด จ า ก ค่าเครื่องดื่มกาแฟ น้ำตาล และครีมเทียมสำหรับรับรองลูกค้าเป็นรายจ่ายที่เกิดขึ้นเพื่อการรับรองจึงเข้าลักษณะเป็นภาษีซื้อต้องห้ามตามมาตรา 82/5 (4) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงไม่สามารถขอคืนภาษีซื้อหรือนำภาษีซื้อดังกล่าวไปหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม [7] สำนักงานบัญชี เอส.พี.ดี. แต่สำหรับภาษีซื้อที่เกิดจากค่าน้ำดื่มค่าเครื่องดื่มกาแฟ น้ำตาล และครีมเทียมสำหรับพนักงานซึ่งบริษัทฯ จัดสรรไว้ให้พนักงานรับประทานในเวลาปฏิบัติงาน และภาษีซื้อที่เกิดจากค่าใช้จ่ายในการทำอาหารให้พนักงานเพื่อเป็นสวัสดิการให้พนักงานรับประทานโดยไม่คิดมูลค่า เข้าลักษณะเป็นภาษีซื้อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการของบริษัทฯ และมิใช่เป็นภาษีซื้ออันเกิดจากรายจ่ายเพื่อการรับรอง จึงไม่เป็นภาษีซื้อต้องห้าม ตามมาตรา 82/5 (3) และ (4) บริษัทฯ สามารถขอคืนภาษีซื้อหรือนำภาษีซื้อดังกล่าวไปหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้
(5) ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีซึ่งออกโดยผู้ที่ไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษีตามส่วน
(6) ภาษีซื้อตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี ภาษีซื้อตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42) เรื่องการกำหนดภาษีซื้อที่ไม่ให้นำไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/5 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2535 ไม่ให้นำมาหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม รายละเอียดภาษีซื้อที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดเพิ่มเติม[ภาษีซื้อต้องห้ามเพิ่มเติม]
ติดตาม การอัพเดท ตอนต่อไป
ที่มา: เวปไซด์กรมสรรพากร [1] ศาสตราจารย์ไพจิตร โรจนวานิช ชุมพร เสนไสย สาโรช ทองประคำ คำอธิบายประมวลรัษฎากร เล่ม 2 ภาษีสรรพากร 4-275 [2] หนังสือที่ กค. 0811 (กม)/358 ลว. 2 เมษายน 2540 [3] หนังสือที่ กค 0802/พ.5989 ลงวันที่ 7 เมษายน 2538 [4] หนังสือที่ กค 0802/พ.22384 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2537 และที่ กค 0802/พ.6014 ลงวันที่ 29 เมษายน 2537 [5] หนังสือที่ กค 0802/พ.5989 ลงวันที่ 7 เมษายน 2538 [6] หนังสือที่ กค 0811/พ.16000 ลงวันที่ 15 กันยายน 2536 [7] หนังสือที่ กค 0802/พ.21395 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2536